ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับบริการ Music Streaming

เห็นช่วงนี้กระแส Apple Music กำลังมา หลายคนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับบริการประเภท Music Streaming แต่ก็ยังมีหลายคนเข้าใจคอนเซ็ปของบริการนี้ผิดอยู่ เช่น คิดว่าบริการ Music Streaming คือการฟังเพลงผ่านเน็ต/แอพ ที่ต้องต่อเน็ตตลอดเวลาถึงจะฟังเพลงได้ เปลืองดาต้าตายห่า !? ความจริงก็ถูกครับ แต่ถูกไม่หมด

บริการ Music Streaming มันก็คล้ายกับการซื้อเพลงแบบเดิมๆ นี่แหล่ะครับ สามารถดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในเครื่องเพื่อฟังตอนที่ไม่มีเน็ต (Offline) ได้เหมือนกัน แต่เปลี่ยนจากรูปแบบที่เป็นการ “ซื้อขาด” มาเป็นการ “เช่า” แบบรายเดือนแทน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะดาวน์โหลดเพลงแบบซื้อขาด (แบบเก่า) เพลงละ 20-30 บาท เราจะสามารถฟังเพลงนั้นไปได้ตลอดตราบที่เรายังต้องการฟัง แต่ถ้าเป็นบริการ Music Streaming เราจะต้อง “จ่ายรายเดือน” ให้กับผู้ให้บริการ (มีหลายราคาตามแต่ละบริการ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 60-300 บาท/เดือน) แลกกับการที่เราสามารถดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในเครื่องได้แบบ “ไม่จำกัด” ไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไรที่มีให้ดาวน์โหลดสามารถดาวน์โหลดมาเก็บไว้ฟังแบบ Offline ได้หมด แต่ถ้าหยุดจ่ายรายเดือนเมื่อไร เพลงที่โหลดมาเก็บไว้ผ่านบริการ Music Streaming จะไม่สามารถฟังได้ครับ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดผ่าน Wi-Fi หรือเน็ตบ้านทั่วไปก็ได้ครับ

ดังนั้นความเข้าใจผิดที่ว่าบริการ Music Streaming ทำให้เปลืองค่าดาต้าของมือถือ จึงไม่สมเหตุสมผลครับ และโดยทั่วไปแล้วทุกบริการจะ “ปิด” ไม่ให้แอพดาวน์โหลดเพลงขณะที่กำลังต่อเน็ตผ่าน Cellular (เครือข่ายมือถือ) ถ้าอยากจะโหลดผ่านเครือข่ายมือถือ ต้องไปตั้งค่ากันเองครับ

พูดถึงเรื่องความคุ้มค่า ระหว่างการดาวน์โหลดแบบปกติ กับการฟังเพลงผ่านบริการ Music Streaming ก็ลองมาบวกลบคูณหารกันดูได้ครับ ว่าเรามีสไตล์ในการฟังเพลงแบบไหน เช่น แบบซื้อขาดน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ฟังอยู่ไม่กี่เพลง ฟังเฉพาะเพลงที่ชอบจริงๆ แต่ถ้าใครชอบฟังเพลงหลากหลายแนว ชอบลองฟังเพลงนู้นเพลงนี้ไปเรื่อย หรือจะใช้บริการพวก Radio (ให้แอพช่วยเลือกเพลงอื่นๆ มาเล่นให้เรา) บริการ Music Streaming นี่ตอบโจทย์มากครับ ซึ่งเทรนด์การฟังเพลงในปัจจุบันก็ค่อนข้างหมุนมาทางนี้ (ขนาด Apple ยังต้องหันมาทำแข่งกับเจ้าอื่นบ้างเพลง เพราะคนดาวน์โหลดแบบซื้อขาดลดจำนวนลงเรื่อยๆ หันไป Streaming กันมากขึ้น)

ผมใช้มาแล้วทั้ง Deezer, KKBox, Rdio จนล่าสุดมาปักหลักอยู่ที่ Spotify (ไม่รวมบริการที่ทดลองใช้ฟรี แต่ไม่ได้จ่ายตัง อย่าง Tidal, Line Music)  ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันนะครับ ว่าตัวเองจะต้องมาเสียรายเดือนเพื่อให้ได้ฟังเพลง แต่พอลองแล้วมันติดใจจริงๆ ครับ ใครสนใจก็ไปลองกันได้ ส่วนใหญ่เกือบทุกบริการมีให้ทดลองใช้ฟรี

Commart Nextgen 2015

  • บูทส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์ใหญ่อย่าง Advice, IT City, JIB
  • แต่ละบูทก็มีบูทย่อยของแต่ละแบรนด์อีก (เหมือนตามห้าง)
  • แบรนด์มาตั้งบูทเองน้อยมาก ถึงมาก็บูทเล็กๆ
  • คนไม่บางเท่าไร แต่ก็ไม่แน่นเท่างานมือถือ
  • ราคาสินค้าไม่ได้ถูกจนว้าว ส่วนใหญ่เน้นของแถม แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญอะไร ไปที่สาขาใกล้บ้านดีกว่าครับ
  • โซนเกม เห็นมีแข่ง HON ด้วย แค่เดินเฉียดๆ ไป
  • สรุป ไปฟอร์จูนดีกว่าครัชชช

*** ที่ทำให้ผมเสียเลือด ก็เป็น Office 365 Home ของ Advice ที่ลดเหลือ 1,590 บาท เฉลี่ยแล้ว ตกเดือนละ 130 บาทเท่านั้นนน (ใช้ได้ 5 เครื่อง) เลยจัดมาซะ (เพิ่งต่อเมื่อตอนต้นปีไป 1,990)

Continue reading

Jurassic World

  • รู้สึกเหมือนย้อนไปในวัยเด็กอีกครั้ง (ตอนดู Jurassic Park)
  • มีฉากตุ้งแช่แค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ใครขี้ตกใจ สบายใจได้
  • เนื้อเรื่องตรงไปตรงมา ไม่ลึกซึ้งเท่าไร แต่สนุก
  • แต่มีบางคนในโรง ร้องไห้ ให้ไดโนเสาร์ที่ตาย (แหม่ อัลไลจะขนาดนั้น)
  • ดูเอาสนุก/ดูกับครอบครัว(พาลูกไปดู) ก็โอเคดีครัช

เอาไป 7.5/10

ภาพปลากรอบ

ทำงานในห้อง VS ทำงานร้านกาแฟ

ไม่ค่อยได้ออกไปมหาลัย จากสถิติเดือนที่แล้ว วันที่ที่ใช้ไฟเยอะที่สุดอยู่ที่วันละ 11 หน่วย (อากาศร้อนมาก เปิดแอร์รัวๆ) หน่วยละ 8 บาท ก็ 88 บาท

หลายคนบอก ออกไปทำงานนอกห้องสิ ตามร้านกาแฟ co-working space ลองมาคิดดู การออกนอกบ้านครั้งนึง แบบเซพๆ สุดๆ แค่ค่าเดินทาง (รถเมล+รถไฟฟ้า) ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ละ ยังไม่รวมค่าที่นั่ง(กรณี co-working) หรือค่ากาแฟ อีก

ดังนั้น เปิดแอร์ในห้อง ทำงานหาเงินมาจ่ายค่าไฟ ต่อไป !!!

เครื่องทำกาแฟ NESCAFE' Dolce Gusto พร้อมดีไซน์อันแสนโฉบเฉี่ยวกับรุ่น MINI Limited Edition

เนสกาแฟ แบรนด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องของกาแฟมานานเกือบ 80 ปี ได้เปิดตัวเครื่องทำกาแฟ Dolce Gusto (ดอลเช่ กุสโต้) รุ่นพิเศษ ที่ร่วมมือกับ MINI แบรนด์รถยนต์ชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ในชื่อเต็มๆ ว่า NESCAFE’ Dolce Gusto MINI Limited Edition

Continue reading

[บล็อก] โพสต์ขายมือถือบน OLX แบบปิดจ็อบเสร็จสรรพใน 2 ชั่วโมง

ไม่เคยขายของผ่านเว็บขายของมาก่อนเลยครับ เคยแต่ประกาศใน Facebook หรือ Web board แบบแมนน่วลมากกว่า พอดีวานก่อนมีเหตุจำเป็นให้ต้องขาย Note 3 LTE ที่เพิ่งซื้อเมื่อ 8 เดือนก่อน เพื่อระดุมทุนเอาไปซื้อเครื่องใหม่ …ไม่ใช่ว่า Note 3 ไม่ดีนะ แต่ผมอยากได้ความท้าทายใหม่ๆ หน่ะครับ

Continue reading

wePAY

เพิ่งรู้จัก wePAY (มีคนแนะนำให้ ว่าเว็บนี้เติมเงิน my ได้)

ดูตอนแรกก็เฉยๆ นะ ว่าเป็นเว็บสำหรับเป็นตัวกลางในการจ่ายเงินให้บริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ ซื้อบัตรเติมเงิน บัตรเกม จ่ายบิลค่าไฟ ใบเสร็จต่างๆ อ่านรายละเอียดไปสักพักเริ่มอึ้งขึ้นเรื่อยๆ พี่แกมีบริการซื้อเกมใน STEAM จองตั๋วรถทัวร์ จองตั๋วเครื่องบิน …

และที่ทำให้อึ้งที่สุดคือ ระบบภายในของเว็บนี้ …จากฟีเจอร์ที่ผมบอกไปข้างบน ถ้าจะทำแบบนั้นได้ น่าจะต้องเป็นระบบที่ใหญ่และจริงจังพอสมควร มี API เชื่อมต่อกับ payment gateway ต่างๆ เกือบจะเทียบชั้นพวกธนาคารเลยทีเดียว

แต่ระบบของ We Pay นี่ตรงกันข้ามครับ พี่แกเล่นทำเรื่อง manual ให้เป็นเรื่อง automatic ถ้าในภาษาคนเขียนโปรแกรม ต้องบอกว่าคนทำเว็บนี้แม่ง hard code สุดๆ ที่ mix หลายระบบเอามารวมกันให้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ

ยกตัวอย่าง ฟีเจอร์สำหรับเติมเงินเข้าระบบ We Pay พี่แกเล่นเปิดบัญชีธนาคารออมทรัพย์ไว้แทบทุกจังหวัดทั่วไทย (หลายธนาคารอีกด้วย) ให้ผู้ใช้โอนได้แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม คือ ถ้าจะทำแบบเป็นทางการ ก็ควรจะต้องไปเป็นพาร์ทเนอร์กับพวกธนาคารต่างๆ แบบเป็นเรื่องเป็นราว …นี่พี่แกเล่นวิธีถึกๆ เบย

ใครเป็นคนทำหว่าาา ชาบูๆ

my by CAT, 1st time

ครั้งแรกกับ my by cat

เรื่องติ
– ซื้อซิมยาก ต้องไปซื้อที่ศูนย์ cat (อันน้อยนิด) เท่านั้น
– ขนาดซิมเติมเงิน ยังต้องกรอกเอกสารให้วุ่น
– ช่องทางการเติมเงิน น้อยจุง
– ลองเติมผ่าน บุญเติม ครั้งแรก ปรากฏว่างงครับ เดินกลับไปเติมที่เค้าเตอร์

…เรื่องชม มีข้อเดียว คือ แพ็คเกจถูกมากครัช
– 1 วัน 9 บาท เน็ตคงที่ที่ 512 kbps
– 7 วัน 25 บาท เน็ตคงที่ที่ 384 kbps
– 31 วัน 100 บาท เน็ตคงที่ที่ 384 kbps

เหมาะกับการเอาไปใช้กับ air card / tablet

(ในภาพ ลอง speedtest แพค 512)